กรุณารอสักครู่...

บทความวิชาการ

ข้อมูลวิชาการที่เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการ การเจริญเติบโต และปัญหาทางพฤติกรรมของเด็ก และวัยรุ่นไทยในวัยต่างๆ

ลูกไม่รักดี…เป็นแบบนี้เพราะเหตุใด

“พ่อแม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว” เป็นคำกล่าวที่ได้ยินกันอยู่เสมอ สำหรับตัวผู้เขียนแล้วเชื่อว่าคงไม่มีพ่อแม่คน ไหนที่ต้องการ จะเลี้ยงลูกให้โตแต่ตัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยากจะเลี้ยงดูฟูมฟักลูกๆของเราให้เติบโตในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สติปัญญาและความประพฤติต่างๆ แต่เพราะด้วยวิธีการเลี้ยงลูก (ที่ผิดๆ) ของพ่อแม่บางคนนั้น อาจส่งผล ให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมไม่ดี จนบางทีอาจถึงขั้นเป็น “ลูกไม่รักดี” เลยก็เป็นได้

“ลูกไม่รักดี” มีพฤติกรรมเช่นไรบ้าง
1. ไม่ร่ำเรียนหนังสือ เช่น ลูกที่แต่งชุดนักเรียนออกจากบ้านแต่ไปยังไงก็ไปไม่ถึงโรงเรียนสักที เพราะแวะไปเที่ยวบ้าน เพื่อน ไปเที่ยวเตร่ตามห้างสรรพสินค้า หนีไปเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เวลาสอบไม่เข้าสอบ ตกซ้ำชั้นทุกปีก็ยังไม่แยแส แบบนี้เรียกว่าลูกไม่รักดี แต่พ่อแม่อย่าคิดว่าลูกที่เรียนไม่เก่งเป็นลูกไม่รักดี เพราะลูกบางคนเขาพยายามตั้งใจเรียนแล้ว ตั้งใจอ่านหนังสือสอบแล้ว ก็ยังสอบตกบ้างผ่านบ้าง กรณีนี้พ่อแม่ต้องคอยให้กำลังใจเขา และคอยเสริมในสิ่งที่เขา ยังบกพร่องอยู่
2. ทำตัวเกะกะเกเร หากพ่อแม่คนไหนมีลูกเป็นหัวโจก เป็นนักเลงอันธพาล ชอบหาเรื่องวิวาท คงต้องใจสั่นไม่เป็นสุข ทุกวัน เพราะต้องคอยกังวลว่าวันนี้มีใครต้องเดือดร้อนเพราะลูกเราบ้าง ลูกแบบนี้เป็นลูกที่ทำลายอนาคตพ่อแม่ ทำให้ พ่อแม่เสื่อมเสีย เพราะนอกจากต้องคอยตามสะสางปัญหาให้ลูกไม่เว้นแต่ละวันจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว มักจะ ไม่ได้ รับความไว้วางใจจากผู้ใด เพราะใครๆก็กลัวจะได้รับความเดือดร้อน จึงไม่อยากข้องเกี่ยว
3. ติดอบายมุข ทั้งเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด การพนัน ซึ่งทำให้เสียสุขภาพ เสียการเรียน เสียเงินทอง เสียอนาคต หากกลัวว่าลูกจะติดอยู่ในวังวนนี้ พ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรู้ถึงโทษของสิ่งเหล่านี้เพื่อให้เขารู้สึกกลัว เช่น พาลูกไป โรงพยาบาลเพื่อไปดูปอดหรือตับของคนที่เสียชีวิตเพราะติดเหล้าติดบุหรี่ที่แพทย์เก็บรักษาไว้ในโหลดอง หรือหา หนังสือหรือข่าวเรื่องของคนที่ติดการพนันจนหมดตัวไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอนให้ลูกได้ดูได้อ่าน
4. ริรักจนฉุดไม่อยู่ พ่อแม่ที่มีลูกเข้าสู่วัยรุ่นมักกลุ้มใจกับปัญหาลูกมีรักก่อนวัยอันควร จริงๆแล้วตามธรรมชาติของ เด็กวัย นี้มักให้ความสนใจกับเพื่อนต่างเพศ แต่บางคนสนใจมากจนควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกและการกระทำ ของตัวเองไม่ได้ จึงเกิดความผิดพลาดเสียหาย เช่น มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งจนตั้งครรภ์ เกิดเป็นปัญหาครอบครัว และปัญหาสังคมต่อไป
5. ทำร้ายพ่อแม่ ไม่ว่าจะทางกายหรือจิตใจ เช่น ทุบตีเตะต่อยพ่อแม่ ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย พูดจาเสียดแทงทำ ร้ายจิตใจ หรือไม่เชื่อฟังคำสอน ลูกประเภทนี้น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด จึงน่าเชื่อได้ว่าจะ สามารถทำสิ่งต่างๆที่ผิดได้โดยไม่รู้สำนึกว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิด

ลูกไม่รักดี เพราะพ่อแม่เลี้ยงผิดวิธี
1. ตามใจลูกจนเสียคน พ่อแม่ประเภทนี้เป็นพ่อแม่ที่ไม่เคยขัดใจลูก ลูกอยากได้อะไรอยากทำอะไรก็ตามใจ แม้เป็นสิ่งไม่ ดีก็ไม่เคยปฏิเสธ ไม่ตักเตือนสั่งสอนในสิ่งที่ถูกที่ควร ไม่เคยตำหนิแม้ลูกทำผิด เป็นต้นว่า ถ้าลูกไม่อยากไปโรงเรียน เพราะเบื่อที่ครูเคร่งครัดก็ไปหาโรงเรียนใหม่ให้ ลูกอยากไปเที่ยวกลางคืน ไม่กลับบ้านก็ไม่เป็นไรเมื่อไหร่ อยากกลับให้ โทรศัพท์ไปบอกเดี๋ยวจะขับรถไปรับ ลูกอยากได้เงินเท่าไหร่ แม้ไม่มีก็ไปหยิบยืม หามาให้ ดังนี้แล้วไม่ว่าลูกต้องการ สิ่งใดเขาจะบีบบังคับพ่อแม่จนได้ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกเป็นเจ้านายเช่นนี้ต้องช้ำใจ เพราะลูกจะเห็นพ่อแม่ เป็นเหมือนคนรับ ใช้เช่นกัน
2. บังคับลูกจนอึดอัด ครอบงำจนลูกกระดิกตัวไม่ได้ พ่อแม่เลี้ยงลูกเหมือนลูกเป็นคอมพิวเตอร์ที่พ่อแม่ใส่ข้อมูลไว้ให้ อะไรที่นอกเหนือไปจากคำสั่งที่พ่อแม่ตั้งไว้นั่นคือลูกไม่เชื่อฟัง ลูกอกตัญญู ลูกไม่เชื่อง ซึ่งลูกที่ถูกเลี้ยงแบบกดไว้เช่นนี้ หากเขามีโอกาสเป็นอิสระสักนิด เขาอาจเตลิดเปิดเปิงแบบกู่ไม่กลับได้เลยทีเดียว
3. ปล่อยปละละเลย มักเป็นพ่อแม่ที่ให้ความสำคัญกับตัวเองมาก มีชีวิตอยู่กับตัวเอง จนไม่สนใจความเป็นอยู่ใดๆของลูก พ่อแม่ประเภทนี้เลี้ยงลูกเหมือนเป็นพนักงานบริษัท คือถึงเวลาสิ้นเดือนก็ให้เงินเดือน แล้วให้ลูกไปจัดการชีวิตตนเอง ทำให้ลูกไม่มีความผูกพันกับพ่อแม่เลย ดังนั้นไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาจะไม่สนใจพ่อแม่ เพราะเขาคิดว่าพ่อแม่ก็ไม่เคย สนใจ เขาเช่นเดียวกัน
4. ทำไม่ดีเป็นตัวอย่าง เช่น พ่อแม่พูดกันเองหรือพูดกับลูกด้วยถ้อยคำไม่ไพเราะ ลูกก็จะติดมาพูดกับพ่อแม่ได้ เพราะเห็น เป็นเรื่องปกติ หรือพ่อแม่ไม่เคยไปเยี่ยมหรือไม่เคยไปดูแลปู่ ย่า ตา ยายในยามเจ็บป่วยเลยลูกก็จะไม่รู้ว่า ลูกที่ดี นั้นมีหน้าที่ต้องคอยปรนนิบัติพ่อแม่เมื่อเจ็บป่วย
5. ไม่รู้จักวิธีอบรมสั่งสอน สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ของพ่อแม่ ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่มีการศึกษาจะสอนลูกไม่ได้ เพราะพ่อแม่บางคนไม่ได้เรียนหนังสือเลย ก็ยังเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จเป็นคนดีมีคุณธรรมได้มากมาย แต่เป็น เพราะพ่อแม่บางคนไม่รู้วิธีว่าจะสั่งสอนลูกอย่างไร บางทีพูดไม่เป็น บอกไม่เป็น ซึ่งน่าเห็นใจมาก เพราะลูกมักจะ ไม่เกรงใจพ่อแม่ เห็นพ่อแม่เหมือนหัวหลักหัวตอ ดังนั้นพ่อแม่ต้องกล้าพูด กล้าตักเตือนลูก ไม่ต้องกลัวเกรงลูก อย่าลืมว่า ลูกจะเป็นคนที่รักดีได้นั้นก็มาจากการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่นั่นเอง

พ่อแม่ทุกคนย่อมหวังให้ลูกเป็นคนที่ดี ดีทั้งต่อตนเอง ต่อพ่อแม่และต่อสังคม แต่หากลูกของเราเป็นหรือทำสิ่งใด ที่ไม่ถูกต้อง ในฐานะของคนเป็นพ่อแม่แล้วคงรู้สึกผิดหวังและเสียใจเป็นธรรมดา ผู้เขียนอยากเป็นกำลังใจ ให้พ่อแม่ ทุกคนอย่าท้อแท้ แต่ให้ทบทวนถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าปัญหาจะเกิดเพราะความบกพร่อง ของพ่อแม่เอง หรือเกิดจากตัวลูกก็แล้วแต่ ให้เรียนรู้ที่จะแก้ไขด้วยใจที่เปิดกว้างด้วยความรัก ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน การแบ่งปันและการให้โอกาส เชื่อว่าลูกของเราจะเป็น “ลูกที่รักดี” ได้อย่างแน่นอน

ที่มา : http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000067286