กรุณารอสักครู่...

บทความวิชาการ

ข้อมูลวิชาการที่เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการ การเจริญเติบโต และปัญหาทางพฤติกรรมของเด็ก และวัยรุ่นไทยในวัยต่างๆ

ถาม-ตอบ เรื่อง การพัฒนาการของเด็ก

ลูกอายุขวบครึ่ง ให้ดูวีซีดี Brainy baby ก่อนนอนทุกคืน จะดีไหมค่ะ
คำตอบ แน่นอนว่าบางครั้งเด็กดูเหมือนสนใจ ยิ้ม หัวเราะ แต่หากเด็กดูวีซีดีอย่างเดียว โดยไม่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ก็เปรียบเหมือนการสื่อสารทางเดียว เด็กไม่ได้เรียนรู้การสื่อสารออกไปหรือการตอบรับ ถ้ามากเข้าเด็กอาจเคยชินกับการอยู่กับตัวเอง ไม่ตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึกของผุ้อื่น รวมถึงพัฒนาการทางภาษา การใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน
คุณแม่ที่ให้ลูกไปศูนย์พัฒนาการเด็ก (เช่น gymboree, baby genius) เคยได้ยินว่าแต่ละสาขาจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ staff หรือ ผู้สอน อยากพาลูกไปทดลองเรียนบ้าง ไปเรียนแล้วเห็นผลดีอย่างไรบ้าง
คำตอบ เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการไปในทิศทางเดียวกันและเป็นขั้นเป็นตอน หากแต่ช้าเร็วต่างกัน ขึ้นกับ ตัวเด็กเอง สิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดู การนำเด็กไปยังศูนย์ฝึกพัฒนาการเด็กทั้งหลาย สิ่งที่ต้องคำนึง คืออายุของเด็กด้วย หากเด็กยังเล็กแต่ไปเน้นกิจกรรมที่เกินความสามารถของวัยนั้น แทนที่จะเป็นการกระตุ้นให้เด็กพัฒนาได้เร็ว กลับเป็นการสร้างความกดดันกับเด็ก เกิดความเบื่อหน่ายมากกว่า พาลจะมีปัญหาทางด้านอารมณ์ และสังคมตามมา อย่างไรก็ตามถ้าพ่อแม่เล็งเห็นว่าอยู่ที่บ้านก็ไม่สะดวกในการเล่นกับเด็ก ไม่มีผู่ใหญ่คอยดูแล เล่นด้วย การไปตามศุนย์ฝึกพ่อแม่ก็อาจ ได้รับคำแนะนำดีๆในการเล่นกับเด็กได้ เพราะสุดท้ายคนที่จะฝึกเด็กและเล่นกับเด็กได้สนุกจริงๆคือ พ่อแม่
ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กอายุ 3 เดือน
คำตอบ ก่อนอื่นต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็กวัย 3 เดือน คือเริ่มสนใจหน้าคนและจำแม่ได้, มองเวลาคุยด้วย และหันหาเสียง,รู้จักสิ่งที่คุ้นเคย, ปัดป่ายคว้าของแต่ยังไม่ถูกดี, กำของได้,นอนคว่ำยกคอได้ ของเล่นที่เหมาะ กับพัฒนาการ ได้แก่ โมบายล์, ตุ๊กตานุ่มๆ, กระจกเด็กเล่น, กรุ๋งกริ๋ง หรือของเล่นที่เขย่ามีเสียงได้ เป็นต้น
ลูก 8 เดือนกว่าไม่ยอมคลานเดินได้เลยหรือเปล่า
คำตอบ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อของเด็กที่เป็นสากล คือ พัฒนาจากศีรษะจดเท้า จากกลางตัวออกไปสู่ส่วนปลาย แต่ความช้าเร็วของพัฒนาการ แตกต่างกัน ซึ่งในกรณีนี้อาจมี 2 สาเหตุ ได้แก่ เด็กไม่ยอมคลานเองซึ่งมีบ้างที่เด็กบางคนจากนั่งทรงตัวเองได้ ก็เกาะยืนและเดินได้ โดยไม่ยอมคลาน ซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติแต่อย่างใด ลองดูว่าคุณอุ้มเขามากไปหรือไม่ทำให้เด็กไม่ต้องใชความพยายามใดๆ หรือ เด็กไม่สามารถทำได้จริงๆพ่อแม่อาจดู พัฒนาการด้านกล้ามเนื้ออื่นๆว่าอยู่ระดับไหน เช่น การพลิกคว่ำหงาย การนั่งทรงตัวได้เอง หรืออาจลองวางของเล่นไว้ใกล้พอที่เด็กจะเขยิบตัวมาเอาได้ ถ้าเด็กดูหงุดหงิดมากและดูเหมือนทำไม่ได้เลย อาจต้องปรึกษากุมารแพทย์
ถามเรื่องฝึกพัฒนาการเด็ก 7 เดือนทีค่ะ รู้สึกว่าพัฒนาการเขาจะช้ากว่าปกติ คือตอนนี้ที่ทำได้คือ พลิกคว่ำ (4ด) พลิกหงาย (5ด) ยังไม่คืบ ยังไม่คลาน ยังไม่นั่งเอง แต่ถ้าจับช่วยจับนั่งก็จะล้มไปข้างหน้า แต่ที่ชอบมาตอนนี้คือ ยันตัวจะยืน แต่ต้องช่วย
คำตอบ การที่น้องยันตัวจะยืนได้นั้น น่าจะบอกได้คร่าวๆว่า กล้ามเนื้อหลังของเด็กน่าจะไม่มีปัญหาอ่อนแรง แม่อาจลองให้โอกาสเด็กในการได้นั่งเล่น มากขึ้น โดยช่วงแรกอาจจับเด็กนั่งหันหลังหาแม่ เราประคองส่วนลำตัวไว้ และค่อยๆลดความช่วยเหลือลง
ลูกอายุ 18 เดือนไม่ยอมเรียกแม่ ทั้งๆที่พัฒนาการปกติพูดคำเดี่ยวๆได้ 15-20 คำ เรียกพ่อได้ เรียกยายได้ พอบอกให้ลูกพูด "ม้า" เด็กก็เรียก "ป๊า"ตลอด
คำตอบ เป็นไปได้ว่าเด็กอาจไม่ค่อยได้ยินใครเรียกแม่ว่า ม้า แนะนำว่าลองให้คุณยายและคุณพ่อเรียกแม่ว่า ม้า บ้างเพื่อเป็นตัวอย่างกับเด็ก เชื่อว่าไม่นานเด็กก็จะสามารถเรียกตามได้ พยายามอย่าบังคับให้เด็กพุด เพราะเด็กอาจยิ่งต่อต้านได้ค่ะ
ทำไมลูกดิฉันอายุ 1 ปีครึ่ง ชอบร้องกรี๊ดตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาที่ถูกขัดใจ อยากเล่นของเล่นของพี่สาว หรือเวลาตื่นเต้นมากๆ เป็นมาเกือบเดือนแล้วทำยังไงให้หายดีค่ะ
คำตอบ นี่แสดงว่าลูกของคุณเริ่มเรียนรู้ว่าเสียงของตนเองมีผลกับสิ่งรอบข้างนะค่ะ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ปกติค่ะ เด็กจะส่งเสียงเพราะเด็กยังไม่สามารถ สื่อสารบอกความต้องการด้วยคำพูดได้ ประกอบกับเด็กเริ่มมีทักษะใหม่ๆทั้งการพูดและการเดินจึงทำให้เด็กตื่นเต้นกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว อย่างไรก็ตามพ่อแม่ก็มีหน้าที่ทำให้เด็กมีวิธีตอบสนองที่เป็นที่ยอมรับได้มากขึ้นนะคะ เช่น ไม่พูดคำว่า "ไม่" พร่ำเพรื่อ ใช้เมื่อเราต้องการให้เด็กหยุด พฤติกรรมจริงๆ ,เพิกเฉยหรือเบี่ยงเบนความสนใจและไม่ยอมให้เด็กได้ในสิ่งที่ต้องการผ่านการร้องกรี๊ด เมื่อเด็กเรียนรู้ผลจากการร้องกรี๊ดว่าไม่มีประโยชน์ เด็กก็จะสามารถหยุดพฤติกรรมนั้นได้ในเวลาต่อมา
ลูกสาวอายุ 5 เดือน ปกติก็เล่นกับพ่อดี แต่เมื่อคืนหลังจากคุณพ่อเลิกงานกลับมา ลูกก็จ้องหน้าพ่อและร้องกรี๊ด เหมือนกลัวมากเลยค่ะ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรและจะทำอย่างไรดีค่ะ ทั้งๆที่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเปลียนแปลงในบ้าน
คำตอบ เด็กในช่วงวัยนี้ เริ่มจะติดและจำผู้เลี้ยงดูที่ใกล้ชิดอยู่ด้วยกันมากที่สุดได้ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ปกติที่จะกลัวคนอื่นๆในบ้าน ภาวะนี้จะหายเองได้ เมื่อโตขึ้นและไม่ได้หมายความว่าเด็กไม่ได้รักพ่อแต่อย่างใด พึงระลึกไว้ว่าเด็กจะจำรูปลักษณะเฉพาะของคนนั้นๆเป็นหลัก เช่น ถ้าอยู่ดีๆ พ่อโกนหนวด ใส่แว่นตา เด็กอาจคิดว่าเป็นคนแปลกหน้าได้
ดิฉันมีลูกสาวคนแรกอายุ 3 เดือน ยอมรับว่า 2 เดือนแรกอุ้มเขาบ่อยมากจนตอนนี้วางไม่ได้เลยค่ะจะร้องไห้ตลอด ทำอย่างไรจะเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ได้ค่ะ
คำตอบ ส่วนใหญ่ภาวะนี้จะขึ้นกับความต้องการของเด็กแต่ละคนและพื้นอารมณ์ที่ต่างกัน วิธีแก้ปัญหาช่วงนี้อาจใช้เป้อุ้มเด็กก็ได้ แต่โดยทั่วไปเมื่อ เด็กโตขึ้นกล้ามเนื้อพัฒนาขึ้นเด็กจะอยากเคลื่อนไหวและลดการอยากให้อุ้มลงเอง หรือบางครั้งเด็กแค่อยากร้องออกมา ฉะนั้นการที่พ่อแม่ไม่แสดง ทีท่าวิตกกังวลหรือพยายามจะให้เด็กหยุดร้องก้อาจจะค่อยๆทำให้เด็กลดความต้องการให้อุ้มได้เมื่อเขามั้นใจว่าพ่อแม่อยู่ตรงนั้นกับเขา
จะเริ่มอ่านหนังสือกับลุกวัย 6 เดือนอย่างไรดี
คำตอบ อาจเริ่มต้นด้วยหนังสือที่ทำด้วยวัสดุอ่อนนิ่ม เช่น ผ้า ร่วมอ่าน ดูภาพไปกับเด็กและทำเสียงให้น่าสนใจ โดยที่ไม่ต้องสนใจเนื้อหามากนัก
อายุ 10 เดือนแล้วชอบตื่นกลางดึก ควรนอนได้ยาวหรือยัง ทำอย่างไรให้ลูกนอนได้ยาวขึ้น
คำตอบ โดยทั่วไปรูปแบบการนอนที่ปกติ คือนอนกลางวันและกลางคืน โดยนอนกลางวันอาจจะมีจนถึงอายุประมาณ 3 ปี และระยะเวลาการนอนทั้งหมด จะค่อยๆลดลงตามอายุที่มากขึ้น คร่าวๆ ดังนี้ คือ ที่ 1 ปี อยู่ที่ประมาณวันละ ไม่เกิน 14 ชม. เป็นต้น ช่วงอายุที่คุณแม่ถามมานั้นเด็กบางรายยังไม่สามารถ นอนได้ยาวตลอดคืน แต่ควรสำรวจด้วยว่าเด็กตื่นร้องไห้กลางดึกด้วยสาเหตุอะไร แก้ไขที่สาเหตุนั้นๆบางท่านเขื่อว่าเป็นช่วงที่ฟันกำลังขึ้นเด็กอาจหงุดหงิด ไม่สบายตัว พ่อแม่อาจเอายางกัดแช่เย็น ให้เด็กกัดเล่น หรือบางท่านเชื่อว่าเป็นเพราะพัฒนาการที่มากขึ้น ทำให้เด็กอยากเล่นตลอด อาจช่วยโดยการ ให้เด็กเล่นในช่วงกลางวันให้มากขึ้น ก่อนนอนพยายามทำอะไรให้เป็นกิจวัตรที่คาดเดาได้ว่าเดี๋ยวจะเข้านอน เช่น เปิดเพลงเบาๆ อ่านนิทาน เลี่ยงการเล่นที่ตื่นเต้นนก่อนเข้านอน เป็นต้น
ลูกอายุ 3 ปี กลัวสุนัขทำอย่างไรดี
คำตอบ การกลัวสุนัขในเด็กวัยนี้คล้ายกับเป็นสัญชาตญาณในการป้องกันตัวของเด็ก โดยทั่วไปเมื่อโต ขึ้นก็จะค่อยๆหายไปเอง ในขณะเดียวกัน พยายามอย่าบังคับให้เด็กต้องเผชิญหน้ากับสุนัขเมื่อเด็กยังไม่พร้อม ทางที่ดีการพยายามพูดคุยกับเด็กถึงสาเหตุที่กลัวรวมถึงหาวิธีป้องกันน่าจะดีกว่า หรืออาจใช้วิธีการอ่านหนังสือ นิทานเกี่ยวกับสุนัข เป็นต้น